วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

สมาชิกในกลุ่ม 3 (K)

สมาชิกในกลุ่มที่ 3 (K)
วิชาการพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์ (1024104)
ลำดับ
ชื่อ-สกุล
เรื่องที่สอน (9-20/ม.ค/60)
1
รหัสนักศึกษา 5641060101
สอนชั้น ม.2 เรื่อง โครงงาน
2
รหัสนักศึกษา 5641060106
สอนชั้น ม.2 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของโลก
3
รหัสนักศึกษา 5641060107
สอนชั้น ม.1 เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อน
4
รหัสนักศึกษา 5641060109
สอนชั้น ม.1 เรื่อง ความดันและความชื้นบรรยากาศ
5
รหัสนักศึกษา 5641060112
สอนชั้น ม.2 เรื่อง ระบบร่างกายของมนุษย์และสัตว์
6
รหัสนักศึกษา 5641060114
สอนชั้น ม.1 เรื่อง การเคลื่อนที่
7
รหัสนักศึกษา 5641060130
สอนชั้น ม.1 เรื่อง การเกิดเมฆและฝน
8
รหัสนักศึกษา 5641060136
สอนชั้น ม.1 เรื่อง โครงสร้างของเซลล์
9
รหัสนักศึกษา 5641060142
สอนชั้น ม.2 เรื่อง ดินและหิน
10
รหัสนักศึกษา 5641060143
สอนชั้น ม.3 เรื่อง ตัวกลางของแสง
11
รหัสนักศึกษา 5641060144
สอนชั้น ม.1 เรื่อง ความดันและความชื้นบรรยากาศ
12
รหัสนักศึกษา 5641060148
สอนชั้น ม.2 เรื่อง ดินและหิน
13
รหัสนักศึกษา 5641060149
สอนชั้น ม.1 เรื่อง การเคลื่อนที่
14
รหัสนักศึกษา 5641060150
สอนชั้น ม.2 เรื่อง การหักเหของแสง
15
รหัสนักศึกษา 5641060171
สอนชั้น ม.2 เรื่อง ดิน
16
รหัสนักศึกษา 5641060173
สอนชั้น ม.1 เรื่อง น้ำเสีย

นักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป กลุ่ม 12 รุ่น 56  คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี

คำอธิบายรายวิชาและจุดประสงค์

คำอธิบายรายวิชาการพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์

รหัสวิชา  1024104

ชื่อวิชา (ภาษาไทย) : การพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์

ชื่อวิชา (ภาษาอังกฤษ) : Science Teaching Models Development

หน่วยกิต : 3(2-2-5)

คำอธิบายรายวิชา 
           ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์แบบต่าง ๆ  รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาสติปัญญาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  รูปแบบการสอนที่เหมาะสมกับการสอนชีววิทยา  เคมี  และฟิสิกส์เพื่อพัฒนาบุคคล  การเลือกรูปแบบการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนและชั้นเรียน  การทดลองสอนตามรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้น

จุดประสงค์การเรียนรู้
              
               1) ผู้เรียนได้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของการพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์ (Knowledge)
               2) ผู้เรียนสามารถพัฒนารูปแบบการสอนที่เหมาะสมกับรายวิชาชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์ได้ (Do)
               3) ผู้เรียนสามารถพัฒนารูปแบบการสอนที่เหมาะสมแก่ผู้เรียนได้ (Do)


คำอธิบายรายวิชาการวิจัยทางการศึกษา
         การศึกษาความหมายทฤษฎีการวิจัยและลักษณะของการวิจัย ประโยชน์และความสำคัญของการวิจัย จรรยาบรรณนักวิจัย รูปแบบการวิจัย การออกแบบการวิจัย กระบวนการวิจัย สถิติเพื่อการวิจัย การวิจัยในชั้นเรียนการเสนอโครงการเพื่อทำวิจัยการฝึกปฏิบัติการวิจัยทางการศึกษาการเขียนรายงานการวิจัยการนำเสนอผลการวิจัย การศึกษาค้นคว้างานวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ การใช้กระบวนการวิจัยเพื่อ พัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรีย


จุดประสงค์การเรียนรู้

              1) ผู้เรียนได้รู้ความหมายและทฤษฎีของการวิจัยทางการศึกษา (Knowledge)
              2) ผู้เรียนได้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการทำวิจัยทางการศึกษา (Knowledge)
              3) ผู้เรียนสามารถจัดทำวิจัยทางการศึกษาตามกระบวนการขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง (Do)

ระดับคุณภาพ
ความรู้ (การพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์)
(ก) สาระความรู้ 1. หลักการแนวคิด,แนวปฏิบัติในการพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์
                    2. การใช้และผลิตงาน การพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้
(ข) สมรรถนะ   1. สามารถนำการพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
                   2. สามารถทำการพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนแล้วนำไปพัฒนาผู้เรียน
                       - พัฒนาคุณภาพ (ผู้บริหารเรียน)
                       - กระบวนการเรียนรู้ (นักเรียน)
                       - การพัฒนาการเรียนรู้ (ครู)

การปฏิบัติ (วิจัยทางการศึกษา)
          1. วิเคราะห์ความต้องการ
          2. การวางแผนการจัดการเรียนรู้
          3. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
          4. เก็บรวบรวมข้อมูล
          5. สรุปผลการแก้ปัญหาตารางงานรายสัปดาห์

ระดับคุณภาพ

A        = 81-100       B+      = 76-80
B        = 71-75         C+      = 66-70
C        = 61-65         D+      = 56-60
D        = 51-55         F        = 0-50


ตารางงานรายสัปดาห์

สัปดาห์
รายละเอียดกิจกรรม
หมายเหตุ
1
ศึกษาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์
2
ศึกษารูปแบบการสอนแบบต่างๆ
3
ศึกษาการพัฒนาสติปัญญา
4
ศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 
5
ศึกษารูปแบบการสอนที่เหมาะสมกับการสอนชีววิทยา เคมี และฟิกส์เพื่อพัฒนาบุคคล
6
ศึกษาการเลือกรูปแบบการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนและชั้นเรียน
7
ศึกษาหลักการหลักสูตรการจักการเรียนการสอน
8
ศึกษางานวิจัย Tyler
9
ศึกษาความหมาย  SU Model
10
ศึกษารูปแบบ  SU Model
11
ศึกษาความหมาย  NPU Model  
12
ศึกษาความหมาย  LRU Model
13
ศึกษาความหมาย  DRU Model
14
ศึกษารูปแบบ  DRU Model
15
ศึกษาค้นคว้าตัวอย่างงานแผนการสอน
16
นำเสนอแผนการสอนรูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์

ประวัติผู้จัดทำ





ประวัติส่วนตัว


ชื่อ นายยุทธการ นามสกุล ประเสริฐจันทึก  ชื่อเล่น กล้า

 กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป

รหัสนักศึกษา 5641060144ห้อง 12

SU Model


SU Model

SU Model



         SU MODEL คือ รูปแบบจำลองโลกแห่งการศึกษา โดยประกอบด้วยวงกลม ซึ่งเปรียบเสมือนโลกที่มีองค์ประกอบพื้นฐานสำคัญอย่างน้อย 3 ประการ คือ 
1) พื้นฐานทางปรัชญา
2) พื้นฐานทางจิตวิทยา 
3) พื้นฐานทางสังคม 
โดยมีสามเหลี่ยมแห่งการศึกษาที่มีองค์ประกอบ 3 ด้าน ได้แก่
     
      ด้านความรู้ กำกับด้วยปรัชญาทางการศึกษา 2 ปรัชญา คือ ปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism) ซึ่งมีแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนเพื่อเป็นการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม ประเพณี และ ปรัชญานิรันดรนิยม (Perenialism) ที่มีแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนด้วยเหตุผล เรียนรู้ในสิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระที่มั่นคง
      ด้านผู้เรียน กำกับด้วยปรัชญาการศึกษาอัตถิภาวะนิยม (Existentialism) ซึ่งมีแนวคิดที่ให้บุคคลมีเสรีภาพในการเลือกด้วยตนเองมีแนวทางการจัดการศึกษาโดยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเลือกประสบการณ์ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
      ด้านสังคม กำกับด้วยปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม (Reconstructionism) โดยมีแนวคิดในการจัดการศึกษาให้กับผู้เรียนควรเป็นไปเพื่อการพัฒนาสังคม เนื่องจากสังคมมีปัญหา
               
        ในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาต้องตอบสนองด้านผู้เรียน ด้านสังคมและด้านความรู้ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานทางการพัฒนาที่สำคัญ คือ พื้นฐานทางสังคม พื้นฐานทางจิตวิทยาและพื้นฐานทางปรัชญา ภายในสามเหลี่ยมการศึกษาจะประกอบด้วยสามเหลี่ยมเล็กๆ 4 ภาพ ซึ่งเป็นการจำลองขั้นตอนในการจัดทำหลักสูตรของ Tyler โดยประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 คือ การวางแผน (Planning) ซึ่งจะเห็นว่ากำกับด้วยความรู้ (Knowledge) และจะสอดคล้องกับคำถามที่หนึ่งของไทเลอร์ คือ มีจุดมุ่งหมายอะไรบ้างในการศึกษาที่โรงเรียนต้องแสวงหา เพราะว่าหลักสูตรต้องวางแผนให้มีเนื้อหาครบคลุมในสิ่งที่ผู้เรียนต้องรู้และต้องเรียน

ขั้นตอนที่ 2 คือ การออกแบบ (Design) ซึ่งจะเห็นว่ากำกับด้วยผู้เรียน (Learner) และจะสอดคล้องกับคำถามที่สองของไทเลอร์ คือ มีประสบการณ์การศึกษาอะไรบ้างที่โรงเรียนควรจัด เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายในการศึกษา เพราะว่าหลักสูตรต้องออกแบบมา เพื่อให้จัดกิจกรรมหรือประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดความรู้แก่นักเรียน

ขั้นตอนที่ 3 คือ การจัดการหลักสูตร (Organize) ซึ่งจะเห็นว่ากำกับด้วยผู้เรียน (Learner)ความรู้ (Knowledge) และสังคม (Society) จะสอดคล้องกับคำถามที่สามของไทเลอร์ คือ จัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ เพราะว่าการจัดการหลักสูตรให้ได้ประสิทธิภาพ คือ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้และบรรลุวัตถุประสงค์พร้อมกับสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการอยู่ในสังคม

ขั้นตอนที่ 4 คือ การประเมิน (Evaluate) ซึ่งจะเห็นว่ากำกับด้วยสังคม (Society) และจะสอดคล้องกับคำถามที่สี่ของไทเลอร์ คือ ประเมินประสิทธิ์ผลของประสบการณ์ในการเรียนอย่างไร เพราะว่าการประเมินผลการเรียนความรู้และการจัดการเรียนการสอนจะทำให้นักเรียนได้ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ในสังคม

การออกแบบและการพัฒนารูปแบบ

การออกแบบและพัฒนารูปแบบ


ตารางการเปรียบเทียบการสอน

 รูปแบบการสอน ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3
 Constructionism 1. Explore    การสำรวจตรวจค้น
คือขั้นตอนนี้บุคคลจะเริ่มสำรวจตรวจค้นหรือพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งใหม่ (assimilation) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อได้พบหรือ ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่ไม่มีอยู่ในสมองของตน ก็จะพยายามรับหรือดูดซึมเก็บเข้าไปเป็นความรู้ใหม่
 2. Experiment 
การทดลอง คือขั้นตอนนี้จะเป็นการทดลองทำภายหลังจากที่มีการสำรวจไปแล้วเป็นการปรับความแตกต่างระหว่างของใหม่กับของเดิมจนเกิดความเข้าใจว่าควรจะทำอย่างไรกับสิ่งใหม่นี้ต่อไป
 3. Learning by doing การเรียนรู้จากการกระทำ คือการลงมือปฏิบัติแล้วสร้างองค์ความรู้ใหม่เป็นองค์ความรู้ของตนเอง ขั้นตอนนี้จะเป็นการผสมผสานระหว่างการรับหรือดูดซึม และการปรับความแตกต่าง
 Biggs 3P Model 1. ครูนำ เสนอบทเรียนในขั้นนำ เสนอ (P1 = Presentation)โดยนำ เสนอเป็นรูปประโยคที่ใช้ในการสื่อสาร (Whole Language) ไม่แยกสอนเป็นคำ ๆ นักเรียนจะเข้าใจภาษานั้นโดยภาพรวม หลีกเลี่ยงการแปลคำ ต่อคำ การนำ เสนอต้องชัดเจน และตรวจสอบจนแน่ใจว่านักเรียนเข้าใจสิ่งที่ครูนำ เสนอนั้น 2. ครูใช้กิจกรรมในขั้นฝึก (P2=Practice) อย่างหลากหลาย โดยยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง  ฝึกหัดและพูดในกลุ่มใหญ่ก่อน ฝึกกลุ่มโดยใช้การฝึกลูกโซ่  ฝึกคู่เปลี่ยนกันถามตอบ และก็ฝึกเดี่ยวโดยพูดกับครูทีละคน 3. กิจกรรมขั้นนำ เสนอผลงาน P3 (Production) เป็นขั้นที่นักเรียนจะนำ ภาษาไปใช้ ครูอาจจะให้ทำ แบบฝึกหัด อ่านและเขียนร้องเพลงหรือเล่นเกม ที่สืบเนื่องและเกี่ยวข้องกับภาษาที่เรียนมาในขั้นที่ 1 และ 2 อาจให้ทำ งานเป็นการบ้านหรือสร้างสรรค์ผลงาน
 Su learning Model 1. ผู้เรียนกำหนดกรอบวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของตนเอง ด้วยการระบุ ความรู้และการปฏิบัติโดยระบุความรู้ ในรูปของสารสนเทศหรือdeclarative knowledge และระบุทักษะ การปฏิบัติ(โครงงาน งานภาระงาน) กลยุทธ์ ทักษะ หรือกระบวนการ หรือprocedural knowledge และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 2. ผู้เรียนออกแบบการเรียนรู้ และระบุเกณฑ์คุณภาพวัตถุประสงค์การเรียนรู้เป็นค่าระดับตามโครงสร้างการสังเกตผลการเรียนรู้ (structure of observed learning out-comes:SOLO Taxonomy) กรณีที่วัตถุประสงค์เป็นความรู้ความเข้าใจ จะระบุเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน(collaborative learning)หรือการเรียนรู้แบบนำตนเอง(self-directed learning)โดยคำนึงถึงความมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพ ถ้าผู้เรียนต้องการการเรียนรู้แบบการมีความคิดวิจารณญาณ จำเป็นจะต้องใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน(cooperative learning) มีการอภิปรายเรื่องราวที่เรียนรู้ กลยุทธการเรียนรู้แบบท างานเป็นทีม หรือกลยุทธการเรียนรู้เพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์
 DRU  Model 1. P= Planning การวางแผน
  • D = Design การออกแบบและการพัฒนา
  • C = Cognitive network  ความรู้ความกระจ่างชัด
  • A = Affective network    การเรียนรู้จากเพื่อนร่วม วิชาชีพ
 2. C= Cognitive network  ความรู้ความกระจ่างชัด
  • L = Learning การเรียนรู้
  • M = Management  การจัดการ,การควบคุม
  • S = Strategic network  กลวิธี
 3. A = Assessment การประเมินค่า
  • S = Strategic network  กลวิธี
  • A = Affective network  การเรียนรู้จากเพื่อนร่วมวิชาชีพ
  • E = Evaluation  การประเมินผล


การเปรียบเทียบการสอนรูปแบบเก่ากับรูปแบบใหม่

 การสอนรูปแบบเก่า การสอนรูปแบบใหม่ (DRU)
 ขั้นนำ
  • ครูให้นักเรียนทบทวนความรู้เดิม ยกตัวอย่างสิ่งที่อยู่รอบๆตัว
  • ครูใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนตอบ
  • ครูมีกิจกรรมก่อนเข้าสู่บทเรียน เช่น ร้องเพลง เต้น หรือใช้เกม
 Planning การวางแผน
  • นักเรียนออกแบบการจัดการเรียนรู้
  • นักเรียนค้นคว้า เรียนรู้จาก PPT,E-Book,ใบความรู้
  • นักเรียนคุยกับเพื่อน กับผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ
 ขั้นสอน
  • ครูให้นักเรียนทำการทดลอง
  • ครูสอนแบบบรรยาย โดยใช้หนังสือหรือ ใช้ Power Point (PPT)
  • ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดลงสมุด หนังสือ
 Cognitive network  ความรู้ความกระจ่างชัด
  • นักเรียนเลือกได้ว่าจะเรียนรู้จาก PPT,E-Book หรือใบความรู้
  • นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข
  • นักเรียนกำหนดกลวิธีในการเรียนรู้
 ขั้นสรุป
  • ครูให้นักเรียนทำใบงาน
  • ครูให้นักเรียนนำเสนอผลงาน
  • ครูให้นักเรียนสรุปโดยทำแผนผังความคิด
 Assessment การประเมินค่า
  • นักเรียนมีกลวิธีในการเรียนรู้ การแบ่งงาน ทำงานตามความสามารถ
  • นักเรียนประเมินตรวจสอบ หรือทบทวนตัวเอง
  • นักเรียนคุยกับเพื่อน ผู้รู้ และผู้เชี่ยวชาญ
ขียนคำถามเพื่อให้พัฒนารูปแบบได้
DRU Model คืออะไร
        D คือ การวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
        คือ ขั้นการวิจัยเพื่อกำหนดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้  
            คือ การตรวจสอบทบทวนโดยใช้แนวคิด UDLเพื่อการประเมินการพัฒนาการเรียนรู้จะนำไปสู่ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
DRU Model ด้านความรู้ (Knowledge) สอดคล้องกับปรัชญาใดบ้าง
          ปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism)
          - ปรัชญานิรันดรนิยม (Perenialism)
DRU Model ด้านผู้เรียน (Learner) สอดคล้องกับปรัชญาใดบ้าง
          - ปรัชญาการศึกษาอัตถิภาวะนิยม (Existentialism)
DRU Model ด้านสังคม (Society) สอดคล้องกับปรัชญาใดบ้าง
          ปฏิรูปนิยม (Reconstructionism)
หลักการ DRU Model มีว่าอย่างไร
     1.หลักปรัชญาการสอน ใช้หลักปรัชญาการสอนตามแนวคิด ทฤษฎีสรรค์นิยม
   2.การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ( learner centered learning) การเรียนรู้โดยใช้การวิจัย เป็นฐานะ และการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน (cooperative learning)
 3.การประเมินการเรียนรู้ตามสภาพจริง (authentic assessment) และกำหนดคุณภาพตามแนวคิด SOLO Taxonomy) ร่วมกับแนวคิดกำรออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสำกล(Universal Design for Learning and Assessment)